Thursday, October 20, 2005

การพัฒนาของวิชาการทันตแพทยศาสตร์ที่ต้องบูรณาการเข้ากับศาสตร์สาขาอื่นๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ทำอะไรกันไปบ้างแล้ว!!!

1. Integrate สาขาย่อยๆของวิชาเฉพาะทางทันตกรรม....
2. Integrate พื้นฐานวิชาแพทยศาสตร์เข้ากับวิชาเฉพาะทางทันตกรรม....

สองประเด็นนี้ใช้เวลาปรับพื้นฐานกันนาน..มากพอควร ออกมาในรูปแบบ Holistic care … Comprehensive care… Perioperative care ฯลฯ
ชึ่งหลายคนยังวนเวียนกับการให้คำจำกัดความ ทั้งที่จริงๆแล้ว เสมือนเป็นหลักการที่ปรับ หรือแปลงกันมาจากสิ่งเดียวกันคือ

“ความพยายามที่จะพิจารณาให้รอบคอบ ให้เชื่อมโยง ให้เป็นเหตุเป็นผล ให้เหมาะสม”
นั่นเอง และจริงๆ แล้ว คำจำกัดความก็ขึ้นกับขอบข่าย หรือ กรอบ ที่พิจารณาส่วนหนึ่ง ขึ้นกับวิธีการ หรือ เทคนิคปฏิบัติอีกส่วนหนึ่ง (และส่วนอื่นๆที่ไม่ไม่สามารถกล่าวถึงในที่นี้อีกมากมาย)

ทั้งยังไม่จำเป็นต้องเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น สามารถใช้เสริมกันได้ สามารถใช้เลือกเฉพาะอย่างในแต่ละกรณีได้

ความสำคัญของสองประเด็นนี้อยู่ที่ เป็นขั้นตอนพื้นฐานของ KM ในส่วนที่เป็นหลักการคิด โดยยังไม่ต้องมีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ร่วม

กิจกรรมที่เทียบเคียงกันได้ เช่น

“COP หรือชุมชนนักปฏิบัติ” กับ “Case presentation, seminar, small group discussion etc.”

“Apprenticeship” กับ “Model คลินิคเวชปฏิบัติ” เป็นต้น


ส่วนที่พยายามเน้นบ่อยๆ คือการแบ่งปันความรู้ มาใช้ร่วมกัน

คนรู้มากกว่าในเรื่องหนึ่งเรื่องใดเป็นผู้ให้ในเรื่องนั้น
รู้มากคนละเรื่องคนละอย่างก็แลกเปลี่ยนกัน
คนรู้น้อยกว่าในเรื่องใดก็ค่อยๆรับไปพิจารณาและพัฒนาความรู้และประสบการณ์

เอาศัพท์ KM มาอธิบายก็เห็นภาพ…

experts distribute/contribute knowledge
extraction of implicit knowledge from the experts
sharing of knowledge between expert and COP
sharing of knowledge among each individual in COP

อีกมากมาย.............ข้อแนะนำคืออย่ายึดติดกับคำศัพท์............


ส่วนที่พยายามเน้นบ่อยๆอีก เช่น

เปิดใจและสมองให้กว้างๆ มองหลายๆมุม คิดหลายๆแง่
ตัดอคติออกให้มากที่สุด ข้ามปมความไม่รู้ให้ได้ จะได้ไม่เกิดปมด้อย
ถ้ามีปมด้อยอยู่ก็พยายามเอาออกจะเรียนรู้อะไรอย่ารู้แค่ศัพท์กับท่องคำจำกัดความ.....
ค่อยๆศึกษาให้เข้าใจมากขึ้น ให้รู้มากขึ้น รู้ประโยชน์ รู้โทษ รู้เหตุผล รู้ขอบเขต รู้ระดับ รู้ความเชื่อมโยง .....
แล้วนำมาใช้ให้ได้ ใช้ให้เป็นใช้ให้เหมาะสมไม่มีใครเกิดมาก็รู้หมดทุกเรื่อง

ทุกคนเรียนรู้ได้ ค่อยๆสะสมความรู้และประสบการณ์ไปตลอดชีวิต ทุกคนก็ทำได้เหมือนๆกัน
เพียงแต่สะสมความรู้คนละเรื่อง หรือความรู้ เรื่องใดเรื่องหนึ่งมีคนละระดับ รู้คนละเวลา

3. Integrate พื้นฐานความรู้ใหม่เข้ากับวิชาทางทันตกรรม...

ประเด็นนี้มีความรู้ใหม่เกิดขึ้นมากมาย ที่พอจะรวบรวมเป็นกลุ่มก้อนได้ เช่น

Evidence Based Dentistry (EBD) และ Dental informatics

(EBDอันนี้เห็นเป็นรูปร่างบ้าง ส่วน Dental informatics เตรียมที่จะ integrate ในหลักสูตรประกาศนียบัตรฯ แต่เป็นหมันไปแล้ว เลยจะนำไป ฝังตัวไว้ใน EBD ขั้นต่อไป คือ “Bringing evidence to the point of care”)

Immunology ที่เชื่อมโยงไปถึง Oral biology
Material science ที่กำลังมาแรงในเรื่องของ Nanotechnology
(สองกลุ่มหลังนี่ได้แต่ย่ำอยู่ขั้นที่พยายามบอกว่าสำคัญมากจ้า กรุณาสนใจด้วย เพราะกระทบกับ Clinical practice ใน อนาคตอันใกล้นี้อย่างมาก แม้ไม่ออกมาในรูปที่เห็นเด่นชัดแต่ก็ทุ่มกำลังไปมากทีเดียว และจำเป็นต้องเดินหน้ากันต่อไป)

ความสำคัญของประเด็นนี้อยู่ที่ เป็นขั้นตอนพื้นฐานของ KM ในส่วนที่เป็นหลักการเก็บรวบรวมข้อมูล การเรียบเรียงข้อมูล เชื่อมโยงไปที่การพิจารณาข้อมูลและความคิด รวมถึงการนำข้อมูลมาใช้คือความเข้าใจในวัฏจักรของข้อมูลที่เชื่อมโยงกับความรู้และการเรียนรู้ ที่ได้ดำเนินการไปเป็นขั้นเริ่มต้นของการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างง่ายๆคือหลักการสืบค้นฐานข้อมูลทางการแพทย์ เก็บรวมรวมข้อมูล การใช้โปรแกรมประยุกต์ในการวิเคราะห์ข้อมูล ขณะนี้อยู่ในขั้นเตรียมเครื่องไม้ เครื่องมือ และคน เพื่อทำขั้นตอนสูงขึ้นต่อไป

4. Integrate การนำพื้นฐานศาสตร์อื่นๆมาใช้กับทันตกรรม....

ประเด็นนี้ได้แต่เพียงรวบรวมข้อมูลตุนไว้ บอกเล่าให้ฟังเท่าที่มีโอกาส เป็นหัวข้อย่อยๆ เช่น

นิติศาสตร์ - medico-legal relationship and risk management
เศรษฐศาสตร์ และการบริหารจัดการ– Health technology assessment, New health care service model
วิศวกรรมศาสตร์ – Basic knowledge in biomedical engineering
ชีววิทยา และ เทคโนโลยีสารสนเทศ – Basic knowledge in bioinformatics
การจัดการศึกษา – New paradigm of Medical / Dental education, E-learning , E-education เป็นต้น

เมื่อพิจารณาทุกหัวข้อที่กล่าวมาร่วมกันเราจะตระหนักถึงคำว่า Convergence กับ complexity ที่วิ่งคู่กันไปสองคำนี้ทำให้กระบวนการเรียนการสอนและหมวดหมู่สาขาวิชาจำเป็นต้องปรับใหม่.....ไม่แตกต่างกับวิชาชีพอื่นๆเลย !!!!!!

No comments: